กด Enter เพื่อไปที่ส่วนเนื้อหาหลัก
:::

กองทุนพัฒนาผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่

โซนป้องกันโรค
:::

เพื่อรองรับสถานการณ์ความเสี่ยงการระบาดในชุมชนเพิ่มสูงขึ้น ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดยกระดับเตือนการป้องกันโรคเป็นระดับ 2 ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 8 มิ.ย. ดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้อง ควบคุมเข้มงวดป้องกันโรคในชุมชน

ตั้งค่าตัวอักษร:
  • สถานที่:Taiwan
  • วันที่เผยแพร่:
  • วันที่อัพเดท:2021/05/14
  • จำนวนครั้งที่กดเข้าชม:226
เพื่อรองรับสถานการณ์ความเสี่ยงการระบาดในชุมชนเพิ่มสูงขึ้น ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดยกระดับเตือนการป้องกันโรคเป็นระดับ 2 ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 8 มิ.ย. ดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้อง ควบคุมเข้มงวดป้องกันโรคในชุมชน

วันนี้(11พ.ค.)ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด(Central Epidemic Command Center,CECC) ระบุว่า เพื่อรองรับสถานการณ์การพบผู้ป่วยภายในประเทศที่ไม่ทราบแหล่งติดโรคแน่ชัด ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการระบาดในชุมชนเพิ่มสูงขึ้น เพื่อป้องการการแพร่ระบาดของโรคในชุมชนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 8 มิถุนายน รวมเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ยกระดับเตือนการป้องกันโรคเป็นระดับที่ 2 คือการ  “พบผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศที่ไม่ทราบแหล่งติดโรคแน่ชัด” พร้อมทั้งดำเนินมาตรการควบคุมสำหรับตัวบุคคลและการออกนอกสถานที่ กิจกรรมการชุมนุม ร้านค้าสถานประกอบการ และระบบขนส่งมวลชนดังต่อไปนี้:


1. หลีกเลี่ยงเข้า-ออก สถานที่ที่มีผู้คนแออัด และสถานที่ที่มีความเสี่ยงการติดโรคสูง ประชาชนต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ผู้ละเมิดไม่ปฏิบัติตามและเตือนแล้วไม่ฟังจะทำการปรับอย่างเข้มงวด

2. กิจกรรมการชุมนุมทั้งหมด ต้องมีมาตรการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในการดูแลประชาชนให้รักษาระยะห่างทางสังคม หรือสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา / ใช้แผ่นกั้น  พร้อมทั้งจัดให้มีการ “ลงทะเบียนชื่อจริง” วัดอุณหภูมิร่างกาย ฆ่าเชื้อ ควบคุมการเข้าออกของผู้คน จำกัดจำนวนคน และมีมาตรการจัดเส้นทางเข้าออกเป็นต้น มิเช่นนั้นควรชะลอการจัดกิจกรรม

3. โดยหลักการแล้วให้หยุดจัดกิจกรรมกลางแจ้งที่มีการรวมตัวเกิน 500 คน หรือจัดกิจกรรมในอาคารที่มีคนรวมตัวเกิน 100 คนขึ้นไป แต่กิจกรรมดังกล่าวข้างต้น หากมีที่นั่งที่แน่นอน และจัดให้นั่งแบบสลับฟันปลา ลงทะเบียนชื่อจริง สวมหน้ากากตลอดเวลา ห้ามดื่มหรือรับประทานอาหาร สามารถดำเนินการได้ โดยต้องเสนอแผนการป้องกันโรคยื่นต่อหน่วยงานรับผิดชอบท้องถิ่นเพื่อพิจารณาอนุมัติก่อน 

4. สถานประกอบการหรือสถานที่สาธารณะจะต้องมีมาตรการป้องกันโรคเช่น ดูแลประชาชนให้รักษาระยะห่างทางสังคมหรือสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา/ ใช้แผ่นกั้น พร้อมทั้งจัดทำระบบลงทะเบียนชื่อจริง ปฏิบัติการวัดอุณหภูมิร่างกาย ฆ่าเชื้อบริเวณมือ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อสภาพแวดล้อม ควบคุมการเข้าออกของผู้คน จำกัดจำนวนคนและมีมาตรการจัดเส้นทางเข้าออกเพื่อการป้องกันโรคเป็นต้น สถานประกอบการที่ไม่สามารถจัดให้มีมาตรการตามที่กล่าวมา ควรหยุดกิจการชั่วคราว หากมีความจำเป็นสถานบันเทิงและสถานที่สาธารณะที่เกี่ยวข้องอาจถูกสั่งบังคับให้หยุดกิจการก็ได้ 

5. ธุรกิจประเภทร้านอาหารและเครื่องดื่ม ต้องมีมาตรการป้องกันส่วนบุคคลเช่น “ระบบลงทะเบียนชื่อจริงเวลารับประทานอาหาร” ทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อสภาพแวดล้อมตามกำหนดเวลา ผู้ให้บริการจะต้องสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ พร้อมทั้งบริการวัดอุณหภูมิร่างกายให้ลูกค้า ฆ่าเชื้อบริเวณมือและใช้ตะเกียบ/ช้อนกลางเป็นต้น หากมีบุคคลแปลกหน้านั่งรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกันต้องใช้ฉากกั้น และจัดระยะห่างอย่างเหมาะสม/ใช้ฉากกั้น ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถจัดให้มีมาตรการตามที่กล่าวมาได้ แนะนำให้ประชาชนซื้อกลับไปทานข้างนอก

6. ห้ามรับประทานอาหาร ดื่มน้ำในรถไฟความเร็วสูง รถไฟ และรถบัสประจำทางเป็นต้น ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.เป็นต้นไป รถไฟความเร็วสูงและรถไฟยกเลิกการจำหน่ายบัตรโดยสารแบบยืน


ศูนย์บัญชาการฯเตือนว่า มาตรการที่กล่าวมา จะทำการเสริมการแนะนำตักเตือนและตรวจสอบโดยหน่วยงานรับผิดชอบส่วนต่างๆ และเทศบาลท้องถิ่น ขอให้ประชาชนต้องให้ความร่วมมือ ช่วยกันปกป้องการแพร่ระบาดของโรคในชุมชน

สูงสุด